ช่วงที่ผมอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นได้ประมาณสัปดาห์กว่าๆ ผมเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ มองหาของกินที่คุ้นปาก เพื่อบรรเทาอาการคิดถึงบ้านสักหน่อย ผมก็ได้ไปเจอกับสิ่งๆหนึ่ง หน้าตาคล้ายกับของกินที่ประเทศผม ผมลองกัดลงไปคำหนึ่ง แค่คำเดียว ผมก็ถูกจู่โจมจากน้ำตาล เนื้อครีมผสมที่หวานเลี่ยนอย่างไม่คาดคิด หวานชนิดที่วิลลี วองก้าต้องพูดออกมาเลยว่า มันอันตรายต่อสุขภาพ ผมรักประเทศญี่ปุ่น ไล่ตั้งแต่ผู้คน ไปจนถึงขนมโมจิที่เต็มไปด้วยช็อคโกแลตและมาร์ชเมลโลว์ มันช่างเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งจริงๆ แต่มันก็มีบางสิ่งที่ผมรับได้ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากบ้านผมที่อังกฤษมากก็ตาม ผมก็ยังรับได้ ขณะที่บางสิ่ง ยังทำใจให้คุ้นเคยกับมันได้ยากอยู่ เช่นเจ้าขนมปังที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และครีมผสมรสชาติหวานเลี่ยนเป็นต้น วันแรกในญี่ปุ่นของผมนั้น ผมเดินเข้าไปในร้านๆหนึ่งและสะดุ้งเข้ากับเสียงทักทายที่ผมคิดว่าทุกคนต้องเคยได้ยิน ผมยอมรับว่า สิ่งแรกที่ผมตอบกลับไปหลังจากที่เจ้าของร้าน และพนักงานร้านร้องพร้อมกันว่า “อิรัชไชมัตเสะ!” คือ “ขอโทษครับ ผมพูดภาษาญี่ปุ่นไม่เป็น” พนักงานทั้งร้านมองมาที่ผมด้วยสายตาที่งงงวย และพวกเราเห็นพ้องต้องกันว่า อย่าพูดถึงมันอีก แต่ตอนนี้ผมยืดอกรับเลย คิดซะว่าเรากำลังรับพระราชประกาศอยู่ก็เหมาะดี แม้ว่า วัฒนธรรมในหลายๆแง่มุมของญี่ปุ่นจะเป็นอะไรที่ง่ายต่อการทำความคุ้นเคย แต่ก็ยังมีอีกแง่มุม ที่ผมคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันเข้าใจแน่นอน ผมเชื่อว่าชาวต่างชาติที่มาตั้งรกรากที่นี่ต้องคิดแบบเดียวกับผม ตั้งแต่วิธีรับประทานอาหาร จนไปถึงวิธีการจาม นี่คือลักษณะเฉพาะตัวที่แปลกประหลาดของญี่ปุ่นที่ทำให้ผมงงงวยมาจนทุกวันนี้ 1.เรื่องของก๋วยเตี๋ยว ตั้งแต่ผมเติบโต และก้าวเข้ามาในโลกของผู้ใหญ่ และสามารถทำอาหารเลี้ยงชีพตัวเองได้แล้วนั้น ผมเรียนรู้มาว่ามีอยู่สองสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการรับประทานอาหาร: เคี้ยวอาหารต้องปิดปากให้สนิท และกะหล่ำปลีบรัสเซลล์เป็นสิ่งที่ชั่วร้าย และต้องถูกชำระล้างด้วยไฟบรรลัยกัลป์ ดังนั้น…